ครบวันขีดเส้นตาย "หนองจาน – หนองหญ้าแก้ว" เตือนไทย ระวังเป็นเครื่องมือ 2 มหาอำนาจ พร้อมชิงความได้เปรียบในเวทีเจรจาอาเซียน

ความเคลื่อนไหวก่อนถึงเส้นตายที่ทางทหารไทยส่งให้กัมพูชา อพยพชาวบ้านที่มาตั้งบ้านเรือนรุกล้ำบริเวณ บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว ตำบลโนนหมากมุ่น อำเภอโคกสูง จ.สระแก้ว ริมชายแดนไทย-กัมพูชา วันที่ 10 ต.ค.68 แต่ทางฝั่งกัมพูชา ส่งหนังสือกลับมาและไม่ยอมให้ประชาชนของตนย้ายออก ทำให้ประชาชนในพื้นที่เริ่มเกิดความวิตกกังวล

วันนี้ (9 ตุลาคม 2568) พื้นที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว ตำบลโนนหมากมุ่น อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ซึ่งเป็นจุดที่อยู่ห่างจากแนวชายแดนประมาณ 4–5 กิโลเมตร และถือเป็นพื้นที่เฝ้าระวังสำคัญของกองกำลังบูรพาในช่วงก่อนถึงวันขีดเส้นตาย 10 ตุลาคมนี้


เจ้าหน้าที่กองกำลังบูรพาได้จัดกำลังลาดตระเวนร่วมกับหน่วยข่าวกรองทางทหาร และใช้โดรนบินตรวจสอบพื้นที่บริเวณแนวรั้วสแลนและลวดหนามตลอดแนวชายแดนทั้งสองจุด เพื่อเฝ้าระวังความเคลื่อนไหวของทหารและมวลชนจากฝั่งกัมพูชา พบว่ามีทหารกัมพูชาหลายสิบนายกระจายกำลังซุ่มอยู่ตามแนวหลังสแลนในพื้นที่ตรงข้าม ยังคงมีการผลัดเปลี่ยนเวรยามคอยสังเกตการณ์ตลอดทั้งคืน อย่างต่อเนื่อง


บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว กลายเป็นพื้นที่ที่ถูกจับตา เนื่องจากมีชาวกัมพูชาที่มาตั้งบ้านเรือนรุกล้ำเข้ามาตั้งแต่เป็นค่ายผู้อพยพสมัยเขมรแดง แต่เมื่อสงครามสงบกลับไม่ย้ายออกไป ทีมข่าวเฉพาะกิจ ไทยรัฐออนไลน์ สอบถามไปยังแหล่งข่าวทางทหารที่ทำงานในพื้นที่ชายแดน ให้ข้อมูลว่า แม้จะครบกำหนดวันขีดเส้นตายผลักดันชาวกัมพูชา ในพื้นที่ บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว กลับประเทศ แต่ยังคงเป็นเรื่องยาก เพราะไม่เช่นนั้นจะถูกต่างชาติมองว่าไม่เคารพหลักมนุษยธรรม อาจส่งผลทำให้ไทยเป็นรองในเวทีนานาชาติ


การจะให้กัมพูชา ออกจากพื้นที่ บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว จะต้องดูกันยาวๆ ไปถึงในการประชุมสุดยอดอาเซียน (ASEAN Summit) ที่จัดขึ้น กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ในระหว่าง 26-28 ต.ค.2568 ที่คาดว่าโดนัลด์ทรัมป์ จะเดินทางมาเข้าร่วมประชุมด้วย เพื่อพูดคุยให้เกิดการยุติความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา

การประชุมสุดยอดอาเซียน (ASEAN Summit) จะเป็นการวางท่าทีเพื่อสร้างความได้เปรียบของทั้งไทยและกัมพูชา ซึ่งก็มองได้สองมุมว่า ผู้นำกัมพูชา ก็อยากจะหาทางลง แต่ก็ต้องรักษาภาพลักษณ์ตัวเองไว้ และก็ต้องการกลับมาฟื้นฟูการค้า เพื่อจะมีรายได้ให้กับประเทศ ผู้นำกัมพูชาก็กลับมามีรายได้เหมือนเดิมอีก

ขณะที่ท่าทีของทหารทั้งสองฝ่ายก็ยังต้องคงไว้ เพื่อสร้างเสถียรภาพริมชายแดน ดังนั้น การขีดเส้นตายในการผลักดันชาวกัมพูชาในวันที่ 10 ต.ค.68 บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว ก็อาจมีการดำเนินการบางอย่าง เพราะเราดูว่าเราได้เปรียบหลังจากที่เปลี่ยนรัฐมนตรีต่างประเทศ แต่ในทางกลับกันกัมพูชา ก็พร้อมสร้างภาพให้เห็นว่าไทยรังแก เพื่อสร้างความชอบธรรมในเวทีการประชุมสุดยอดอาเซียน(ASEAN Summit)


ไทยเองต้องจับตาว่า วันที่ 10 ต.ค.68 เมื่อถึงวันขีดเส้นตาย ผู้ว่าบันเตียเมียนเจย แสดงสัญลักษณ์อะไรออกมา เพราะเขาต้องรับคำสั่งจากรัฐบาลกลางกัมพูชา หากไม่ทำก็อาจต้องหลุดจากตำแหน่ง โดยชาวกัมพูชา ในพื้นที่นี้มีประมาณ 50 ครอบครัว ประมาณ 200 คน


ตอนนี้สิ่งที่ไทยควรทำคือ การกดดันในเชิงของการเมือง และมีการทำตามหลักมนุษยธรรม เพื่อจะได้สร้างความชอบธรรมในการประชุมสุดยอดอาเซียน (ASEAN Summit) ว่าที่ผ่านมาไทยได้พยายามถึงที่สุดแล้ว แต่ก็อย่าลืมว่าชาติมหาอำนาจอย่างอเมริกา มาครั้งนี้ก็ต้องการจะหวังผลประโยชน์ เช่น การตั้งฐานทัพที่ท่าเรือในฝั่งกัมพูชา และเพื่อแสดงท่าทีในการกดดันจีน

ดังนั้น ไทยเองก็ต้องแสดงท่าทีที่ชัดเจน และไม่อ่อนให้กัมพูชามากเกินไป ขณะเดียวกันก็ต้องดูท่าทีของชาติมหาอำนาจอย่างอเมริกาและจีน ที่จะใช้เวทีนี้ในการสร้างความได้เปรียบฝั่งตรงข้าม