วันอังคาร ที่ 24 มิ.ย. 2568
📍4 สาเหตุของภาวะที่ทำให้ “เหนื่อย หายใจไม่ทัน”
เน้นชัดๆ แต่ละภาวะทำให้เหนื่อยได้ยังไง
.
__________________________
.
1️⃣ เหนื่อยเวลาเครียด/กังวล มือจีบ
🔑 ภาวะหายใจเกิน (Hyperventilation syndrome)
เมื่อเครียด ร่างกายจะกระตุ้นระบบตอบสนองความเครียด
⮕ หายใจเร็วขึ้น, หัวใจเต้นเร็วขึ้น
แต่ในบางคน อาจมีพฤติกรรมเร่งหายใจเองโดยไม่รู้ตัว
ร่วมกับมีการรับรู้การเปลี่ยนแปลงของร่างกายมากไป
(Awareness of interoception)
⮕ หายใจถี่ขึ้น
⮕ สมองส่วน insula รับรู้หายใจถี่ขึ้นมาก
⮕ รู้สึกว่าหายใจไม่ทัน
⮕ Amygdala สร้างความกลัวจากความรู้สึกนี้
⮕ ส่งสัญญาณให้สมอง PAG เปิดโหมดกระวนกระวาย
⮕ ยิ่งรู้สึกว่าหายใจไม่ทัน และอันตราย
⮕ ยิ่งต้องหายใจถี่ขึ้น และต้องควบคุมมัน
*เกิดวนไป คล้าย loop ของอาการ panic*
ผลจากการหายใจถี่+ลึกเกินไป
⮕ ปอดขับ CO2 ออกมากไป
⮕ เนื่องจาก CO2 เป็นกรด ดังนั้นเลือดจึงเป็นด่าง
⮕ โปรตีนไข่ขาวพยายามปล่อยกรดช่วย
⮕ แต่ยิ่งปล่อยก็ยิ่งเหลือที่ให้แคลเซียมมาจับ
⮕ แคลเซียมอิสระในเลือดต่ำลง
⮕ การทำงานเซลล์ประสาทผิดปกติ ไวต่อการกระตุ้น
⮕ กล้ามเนื้อมือหดเอง จนมือจีบ
.
🛎️ หากมีอาการครั้งแรก ยังไม่รู้สาเหตุของโรค พบแพทย์เพื่อตรวจก่อนเสมอ
🛎️ เบี่ยงเบนความสนใจ (มีคนชวนคุย) + ฝึกหายใจ breathing technique ด้วยได้มาก
.
__________________________
.
2️⃣ เหนื่อย หายใจมีเสียงวี๊ด
🔑 โรคหืด (Asthma)
ร่างกายมีการจดจำ “ตัวกระตุ้น” บางอย่าง เช่น
✔️ระบบภูมิคุ้มกัน - T helper cell (Th2) และ แอนติบอดี (IgE) - จดจำสารบางชนิด เช่น ละอองเกสรดอกไม้, สารระเหยบางชนิด ฯลฯ
✔️ เซลล์ mast cell ไวต่อ ‘ความแห้ง’ ของการเดินหายใจ ซึ่งมักเจอรุนแรงตอนหายใจไวตอนออกกำลังกาย (Exercise induced asthma)
⚙️ผลที่เกิดขึ้นคือ
⮕ เม็ดเลือดขาว mast cell ที่ผนังหลอดลมจิ๋ว ปลดปล่อยสารมากมาย เช่น Leukotriene, PAF
⮕ กระตุ้นให้กล้ามเนื้อเรียบรอบหลอดลมหดตัว
⮕ หลอดลมตีบแคบ (Bronchoconstriction)
⮕ อากาศไหลเข้าถุงลมได้น้อยลง + เสียงวี๊ด
⮕ ร่างกายได้ออกซิเจนลดลง
⮕ สมองพยายามกระตุ้นการหายใจมากขึ้น ถี่ขึ้น
⮕ หอบเหนื่อย
.
🛎️ หลายครั้งมีแค่อาการเหนื่อยเท่านั้น ถ้ามันรุนแรง ให้รีบมาพบแพทย์
🛎️ ต้องคุมด้วยยาพ่นที่มีทั้งขยายหลอดลมและสเตียรอยด์ เพื่อกดภูมิไม่ให้รุนแรงต่อหลอดลมเกินไป และตรวจติดตามกับแพทย์สม่ำเสมอ
.
__________________________
.
3️⃣ เหนื่อย ซีด ใจสั่น
🔑 ภาวะโลหิตจาง (Anemia)
⚙️มีจำนวนเม็ดเลือดแดงน้อยลง
⮕ ขนส่งออกซิเจนได้น้อย
⮕ เซนเซอร์ออกซิเจนตรวจวัดได้
⮕ เพิ่มการหายใจ
⮕ หายใจหอบเหนื่อย
ผลอื่นๆ
▪️ซีด เพราะมีจำนวนเม็ดเลือดแดงน้อย
▪️ใจสั่น เพราะมีการกระตุ้นหัวใจให้เต้นถี่ขึ้น เพราะขนส่งได้น้อย จึงต้องเพิ่มรอบ
📍โลหิตจางที่เป็นมาเรื้อรัง อาจไม่มีอาการเหนื่อยชัดเจน เพราะร่างกายปรับตัวได้ แต่จะมีปัญหาตอนออกแรง พบว่าเหนื่อยง่าย, ใจสั่น แต่ถ้ามีการลดลงของเม็ดเลือดแดงเฉียบพลัน อาจทำให้มีอาการได้
สาเหตุโลหิตจางมีมากมาย
▪️ขาดธาตุเหล็ก, วิตามินบี12, โฟเลต
▪️โรคทาลัสซีเมีย (แต่พาหะ มักไม่มีอาการนี้)
▪️โรคพร่องเอนไซม์ G6PD
▪️โรคไตเสื่อมเรื้อรัง
▪️ภาวะไขกระดูกโดนกด
ฯลฯ
.
🛎️ หากมีซีด ให้ไปตรวจยืนยันโดยแพทย์ การรักษาต้องรักษาไปตามต้นเหตุเท่านั้น ซึ่งรักษา “ไม่เหมือนกันเลย”
.
__________________________
.
4️⃣ เหนื่อยเมื่อนอนราบ
🔑 ภาวะหัวใจล้มเหลว (Heart failure)
ภาวะปกติ
⮕ เลือดที่ใช้แล้ว เข้าหัวใจซีกขวา
⮕ ส่งไปปอดเพื่อฟอก
⮕ เข้าหัวใจซีกซ้าย
⮕ สูบฉีดไปเลี้ยงอวัยวะ
*ถ้าหัวใจทำงานปกติ จะไม่มีการจราจรติดขัด
📍หัวใจล้มเหลวคือ ภาวะที่หัวใจสูบฉีดเลือดออกน้อยลงมากจน
▪️อวัยวะต่างๆ ได้เลือดน้อย เกิดอาการต่างๆ
▪️ต้นทางเลือดคั่ง ถ้าซีกซ้ายล้มเหลว จะคั่งที่ปอดจนน้ำท่วมปอด ถ้าซีกขวาล้มเหลว จะคั่งอวัยวะอื่นๆ เช่น ตับโต ขาบวม
⚙️คนที่เป็นหัวใจซีกซ้ายล้มเหลว
⮕ นอนราบ
⮕ แรงโน้มถ่วงกระทำต่อขาลดลง
⮕ เลือดกลับสู่หัวใจดีขึ้น
⮕ ปอดได้รับเลือดมากขึ้น แต่ยังมีปัญหาระบายไปหัวใจซีกซ้ายไม่ได้
⮕ คั่งจนสารน้ำรั่วเข้าถุงลม ขัดขวางการแลกเปลี่ยนแก๊ส
⮕ ร่างกายได้ออกซิเจนลดลง
⮕ สมองพยายามกระตุ้นการหายใจมากขึ้น ถี่ขึ้น
⮕ หอบเหนื่อย
*น้ำที่คั่งที่ผนังถุงลม สามารถกระตุ้นตัวรับเชิงกล (J-receptor) ทำให้เหนื่อยได้เลย
.
🛎️ ตรวจยืนยันโดยแพทย์ ภาวะนี้ต้องระวังน้ำเกิน มีการจำกัดน้ำจำกัดเกลือเป๊ะๆ พร้อมกับกินยาสม่ำเสมอตามแพทย์สั่ง ดูแลอย่างใกล้ชิด
Cr:Tensia